Page 51 - E-BOOK
P. 51

เกิดความตื่นตระหนก ข้อมูลที่ถูกบิดเบือนหรือไม่ถูกต้องแม่นย�า ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในสังคม
             (Social Destabilization) ท�าให้ประชาชนสับสน ปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง เกิดเป็นค�าถาม ความไม่เชื่อมั่นต่อข้อมูล

             ข่าวสาร และการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นจริงผนวกกับความวิตกกังวลท�าให้เกิดการกักตุนสินค้าอุปโภคและ
             บริโภค ท�าให้สินค้าสินค้าอุปโภคและบริโภคบางประเภทขาดแคลนและราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันในด้านของผู้
             ออกนโยบายเอง ก็ต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อจัดท�านโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการบริหารจัดการควบคุม
             การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


                     นอกเหนือไปจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้การรับมือกับโรคระบาดใหญ่
             กรณีโรคโควิด 19 คือ ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ดังจะเห็นได้ว่าช่วงเวลาที่มีการระบาดหนักเป็นระยะเวลา
             กว่า ๔ เดือนที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 ท�าให้วิถีชีวิตปกติของผู้คน
             นับล้านต้องหยุดชะงัก ซึ่งเปิดเผย “ช่องโหว่” ของระบบสาธารณสุขที่ไม่พร้อมต่อการรับมือโรคระบาดใหญ่

             ไต้หวันเป็นประเทศที่มีการใช้ Big Data เข้ามาช่วยความเตรียมพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือโรค
             ระบาดได้ ผนวกกับระบบสาธารณสุขไต้หวันมีบริบทส�าคัญที่เอื้อต่อการรับมือโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ
             นั่นคือ การมี “ระบบสุขภาพกองทุนเดียว” ภายใต้ “โครงการประกันสุขภาพแห่งชาติ (National Health Insurance)”
             หรือ NHI ที่ให้สิทธิ์การรักษาพยาบาลกับประชากรครอบคลุมมากกว่าร้อยละ ๙๙.๙ โดยรัฐบาลเป็นผู้ออก

             ค่ารักษาให้เป็นหลัก ข้อได้เปรียบของระบบสุขภาพกองทุนเดียว คือ ข้อมูลด้านสุขภาพของประชากรทั้งหมดจะ
             รวมอยู่ใน Big Data ถังเดียว และสามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลจากหน่วยงานอื่น ๆ เช่น ส�านักงานตรวจคนเข้า
             เมือง (National Immigration Agency) ท�าให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสามารถเห็นประวัติการเดินทางของผู้ป่วย
             นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อข้อมูลประวัติการสัมผัสโรคของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลและคลินิก

             ทั่วประเทศ โดยกระบวนการปกติผู้ที่ต้องการขอรับบริการจากโรงพยาบาลต้องลงทะเบียนขอเข้าพบแพทย์ใน
             ระบบคอมพิวเตอร์ก่อน ท�าให้แพทย์เห็นประวัติผู้ป่วยแต่เนิ่น ๆ ก่อนเข้ามารับการตรวจที่โรงพยาบาล ในขณะ
             เดียวกันส�านักงานต�ารวจแห่งชาติใช้ระบบติดตามสถานที่จากมือถือ ในการตรวจตราว่าผู้ที่ต้องกักตัว อยู่ในที่
             กักตัวตลอดหรือไม่ หากออกจากที่กักตัวระบบจะแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานรัฐ ประเทศไต้หวันจึงเป็นตัวอย่าง
                                                                                             11
             หนึ่งของการใช้ระบบเทคโนโลยีสื่อสาร ในการป้องกันโรคระบาดและควบคุมสถานการณ์  อย่างไรก็ตาม
             ประเทศไทยยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นระบบระเบียบที่เอื้อต่อการจัดการเกี่ยวกับโรคระบาด

                     ด้วยทรัพยากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีอยู่อย่างจ�ากัด ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการ

             และความเท่าเทียมของ “กลุ่มคนเปราะบาง” เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งเป็นคนไทยที่
             รอกระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ของรัฐไทย และกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือต่าง ๆ
             จากหน่วยงานของรัฐบาลหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากไม่มีสถานะบุคคล ไม่มีบัตรประชาชน
             นอกจากนี้ยังกระทบต่อกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่สถานพยาบาลได้ปกติเช่นเดิม ท�าให้
             ไม่สามารถควบคุมอาการเกิดความรุนแรงของโรคขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้ป่วยที่ติดบ้านติดเตียงที่ได้รับ

             การดูแลรักษาอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

                     โรคระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ ท�าให้กลุ่มคนที่มีความเปราะบางในสังคมและ
             หลายครอบครัวมีรายได้ต�่ากว่าเส้นความยากจน สภาพเศรษฐกิจจะตกอยู่ในความเสี่ยง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
             หยุดชะงัก รายได้น้อยลง เวลาท�างานลดลง บางอาชีพตกงาน เกิดปัญหาในการผลิตและการกระจายอาหาร

             ผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของคนทั่วไปและคนท�างานสาธารณสุขก็มีโอกาสได้รับความเสี่ยงมาก
             การตอบสนองของระบบดูแลสุขภาพและสมรรถภาพต�่าลง หลายโรงเรียน / สถาบันการศึกษาถูกปิด
             การเรียนทางไกลอาจท�าให้การเรียนมีประสิทธิภาพลดลงและนักเรียนบางคนไม่สามารถเข้าถึงการ





                                                                            มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓  ๔๙
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56