Page 49 - E-BOOK
P. 49
๒. ผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่
ในช่วงระบาดใหญ่ของโรคโควิด 19 ประเทศไทยได้ประสบปัญหาเรื่องข้อจ�ากัดชุดตรวจ ‘โรคโควิด 19’
ที่กล่าวได้ว่า “เร็วตอนตรวจแต่วินิจฉัยโรคได้ช้า” ในเดือนมีนาคม 2๕๖๓ ซึ่งเป็นช่วงแรกที่เริ่มมีการระบาด
ในประเทศไทย ข้อจ�ากัดชุดตรวจ Rapid Test ต้องรอ ๕-1๐ วันหลังรับเชื้อกว่าภูมิคุ้มกันจะขึ้น ท�าให้ผล
ตรวจในระยะต้นหลังเสี่ยงอาจเป็น “ลบ” ในขณะนั้นมีวิธีการตรวจในห้องปฏิบัติการหลักๆ อยู่ 2 อย่าง
คือ (1) ตรวจหาเชื้อไวรัสโดยตรง ซึ่งขณะนี้วิธีการตรวจที่ไวที่สุดคือ “การตรวจสารพันธุกรรม” (RT- PCR)
เป็นวิธีการหลักในการวินิจฉัยในปัจจุบัน และเป็นวิธีการที่องค์การอนามัยโลกแนะน�า เพราะตรวจแล้ว
ยืนยันผลได้ไวที่สุดและสามารถตรวจหาเชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการน้อย ๆ ซึ่งต้องมีการสั่งซื้อจากประเทศ
จีนในขณะนั้น และวิธีที่ (2) คือตรวจโดยชุดตรวจ Rapid Test ซึ่งในขณะนั้นเป็นประเด็นที่คนสงสัยมาก
แปลตรงตัวคือการตรวจแบบเร็ว ใช้เวลาประมาณ ๕ - 1๕ นาที โดยชุดตรวจ Rapid Test ที่เป็นการตรวจ
หาภูมิคุ้มกัน กล่าวคือเมื่อร่างกายได้รับเชื้อเข้าไป จะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งจะใช้เวลา
หลังจากรับเชื้อประมาณ ๕-๗ วัน ฉะนั้น การตรวจแบบนี้จะได้ผลเป็นบวกหรือลบ ต้องตรวจหลังรับเชื้อ
๕-1๐ วันขึ้นไป กว่าจะรู้ผลยืนยันว่าติดเชื้อหรือไม่ต้องใช้เวลากว่า 1๐ วัน ที่ส�าคัญหากไปตรวจหลังเสี่ยง
รับเชื้อวันที่ 1 หรือ ๓ เมื่อได้ผลเป็นลบก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าติดเชื้อหรือไม่ ดังนั้น การตรวจด้วยอุปกรณ์นี้
ช่วงเวลาการตรวจจึงมีความส�าคัญ ส่วนที่เร็วคือขั้นตอนการตรวจใช้เวลาแค่ ๕ นาทีเสร็จ แต่ในแง่ของ
๖
การวินิจฉัยโรคถือว่าช้า จึงกล่าวได้ว่า “เร็วตอนตรวจแต่วินิจฉัยโรคได้ช้า” ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่มี
การระบาดหนักในระยะเริ่มแรกประเทศไทยก็ประสบปัญหาเรื่องอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
(Personal Protection Equipment; PPE) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ปฏิบัติติงานสวมใส่ ขณะปฏิบัติติงานเพื่อ
ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากลักษณะการปฏิบัติงาน สภาพการท�างาน และสิ่งแวดล้อม
ในสถานที่ปฏิบัติงานการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลเพื่อป้องกันอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
ส�าหรับบุคลากรสาธารณสุขขาดแคลนด้วยเช่นกัน จึงเกิดค�าถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงขาดประสิทธิภาพใน
การบริหารทั้ง ๆ ที่มีประสบการณ์รับมือโรคระบาดในอดีต และยังมีแผนปฏิบัติการจัดการโรคระบาดอยู่
ในมือ ดังนั้นการทบทวนบทบาทของรัฐบาลที่สามารถเป็นตัวกลางประสานงานกับพื้นที่ที่ยังไม่เกิดการ
ระบาดเพื่อขอให้มีการแลกเปลี่ยนทรัพยากรกับพื้นที่ระบาด ก็อาจจะสามารถปิดช่องว่างการขาดแคลน
บุคลากรและ PPE ได้หรือรัฐบาลควรประสานงานกับภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยี ในการ
จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลไต้หวันและสิงคโปร์ที่ปรากฏบทบาทของ
ผู้น�าประเทศและการประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ มีผลอย่างมากต่อความส�าเร็จในการจ�ากัดจ�านวน
ผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 ดังนั้นความล่าช้าในการตอบสนองต่อโรคระบาดของประเทศอาจท�าให้การระบาด
๗
ยาวนานขึ้น การด�าเนินการเรื่องชุดตรวจและ PPE จึงจ�าเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน
แต่อย่างไรก็ตามภาคเอกชนของประเทศไทยในด้านการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมยังขาดศักยภาพที่
สามารถผลิต PPE หรือผลิตชุดตรวจแบบ RT-PCR จ�านวนหลายแสนชุดต่อวัน ๘
ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคระบาดใหญ่โควิค 19 ซึ่งโดยปกติ
การพัฒนาวัคซีนต้องใช้เวลานานหลายปี และวัคซีนบางชนิดอาจใช้เวลาเป็นหลายสิบปี ขณะนี้ทั่วโลกมีความ
พยายามพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 มากกว่า 1๕๐ ราย บางรายมีความคืบหน้าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ท�าให้
เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันด้วยการสร้างแอนติบอดี (สารภูมิต้านทาน) และไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง
เมื่อหน่วยงานก�ากับดูแลอนุมัติให้ใช้วัคซีนได้แล้วก็จะมีการผลิตวัคซีนหลายพันล้านโดส แต่ยังอาจมีเรื่องให้ต้อง
ปวดหัว คือการจัดส่งและบริหารจัดการในระดับโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อให้คนที่ยากจนไม่พลาดโอกาส
ในการเข้าถึงวัคซีน โดยคาดว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาจเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนก่อน แต่อย่างไรก็ตาม
มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓ ๔๗